การล้าง สารพิษในร่างกายกำลังกลายเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้คนเรารับสารพิษเข้าไปในร่างกายโดยไม่รู้ตัวเป็นจำนวนมาก จนบางครั้งกระบวนการขับสารพิษตามธรรมชาติของร่างกายไม่สามารถกำจัดออกมาได้ หมด วันนี้มีการล้างพิษแบบง่ายๆ ด้วยตัวเองมาฝาก โดยเน้นไปที่การล้างพิษแบบธรรมชาติที่มีการใช้กันมานานด้วยศาสตร์เอเชีย
รับสารพิษเยอะเสี่ยงต่อสารตกค้าง
พญ.ศรันยา กตัญญูวงศ์ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีน ฝังเข็ม และสมุนไพรจีน จากสถาบันการแพทย์ผสมผสาน บอก ว่า เมื่อก่อนนั้นคนส่วนใหญ่จะคิดว่าการล้างสารพิษนั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีสาร พิษหนักๆ อย่างเช่น กัมมันตภาพรังสี สารปรอท หรือตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย แต่สำหรับปัจจุบันนั้นไม่ใช่แล้ว เพราะมีหลายคนที่หันมาสนใจล้างสารพิษในร่างกายกันมากขึ้น เพื่อขจัดเอาสารพิษส่วนเกินในร่างกายออกไป เนื่องจากธรรมชาติการทำงานของร่างกายที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่สมดุลนั้นจะส่งผล ทำให้การขับสารพิษออกมาทางไตไม่ปกติ และอาจจะก่อให้เกิดสารพิษสะสมในร่างกายได้ง่ายๆ
"เป็น ธรรมดาที่เมื่อร่างกายเราใช้งานเยอะก็ควรเอาสารพิษตกค้างในร่างกายออก เพราะปกติร่างกายคนเราจะพบเจอกับสารพิษอยู่เกือบทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น โลหะหนัก สารที่ปนเปื้อนในอาหาร หรือสารพิษที่ปนเปื้อนมากับลมหายใจอย่างควันเสีย ซึ่งโดยปกติร่างกายคนเรานั้นจะสามารถกำจัดออกไปได้เอง แต่ก็มีขีดจำกัดในแต่ละวันว่ากำจัดเท่าไหน ถ้าวันไหนเรารับสารพิษเข้าร่างกายเยอะจนเกินไป ร่างกายก็กำจัดได้ไม่หมดจนเกิดเป็นสารพิษตกค้างสะสมในร่างกาย เพราะฉะนั้นการล้างสารพิษก็จะเป็นวิธีหนึ่งที่จะกำจัดสารพิษออกไปจากร่างกาย ได้มากกว่า"
ใน 1 ปีนั้น พญ.ศรันยา บอกว่า เราควรจะมีการล้างสารพิษครั้งใหญ่สัก 1 ครั้ง โดยมีระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน ที่จะได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ในต่างจังหวัด หยุดรับประทานอาหารที่ทำลายสุขภาพ ทำจิตใจให้แจ่มใส หรือที่เรามักจะเรียกกันว่าออกไปชาร์ตแบต ส่วนการล้างพิษระยะสั้นๆ ประมาณ 3 วันนั้นก็ควรจะทำประมาณ 3-4 เดือน/ครั้ง โดยเราสามารถที่จะทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน
ล้างสารพิษง่ายๆ ทำได้หลายทาง
พญ.ปิยะนุช รักพาณิชย์ ผู้อำนวยการแพทย์สถาบันการแพทย์ผสมผสานให้คำแนะนำสำหรับการล้างพิษง่ายๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน ซึ่งก็มีด้วยกันหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
อย่างแรก วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ อะไร ที่เป็นสารพิษก็อย่ารับเข้าสู่ร่างกาย แต่โดยธรรมชาตินั้นถ้ามีสารพิษไม่เยอะเกินไป และสุขภาพแข็งแรงความสมบูรณ์ร่างกายก็จะสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้ เป็นปกติ
"สารพิษไม่ใช่เฉพาะตะกั่ว ปรอท แต่เรื่องของอาหารการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อย่างเช่นอาหารทอดๆ มันๆ ก็เป็นสารพิษทั้งนั้น เพราะฉะนั้นก็ควรหลีกเลี่ยง เน้นรับประทานอาหารสดใหม่ เน้นผัก ผลไม้เยอะๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอ"
วิธีที่สอง ก็คือ การล้างพิษด้วยการหยุดรับประทานเนื้อสัตว์ และแป้ง หันมาเลือกรับประทานผลไม้ โดยอาจจะเข้าโปรแกรมประมาณ 10 วัน
"เริ่ม ต้น 2วันแรกด้วยการรับประทานผลไม้ชนิดใดก็ได้กับน้ำเปล่าทั้งวัน อีก 2 วันต่อมาก็ดื่มน้ำผลไม้กับน้ำเปล่าทั้งวัน วันที่ 5-6 ก็ดื่มน้ำเปล่าทั้งวัน วันที่ 7-8 ก็รับประทานผลไม้ และน้ำเปล่าทั้งวันอีกครั้ง ส่วน 2วันสุดท้ายก็กลับมาดื่มน้ำผลไม้ และน้ำเปล่าทั้งวันอีกรอบ และเป็นการพักระบบการย่อยอาหารไปในตัว"
แต่ วิธีนี้ พญ.ปิยะนุช บอกว่า อาจจะค่อนข้างทรมานร่างกายไปหน่อย ใครที่เพิ่งเริ่มอาจจะทำเพียงแค่ 1-2 วันด้วยการรับประทานผลไม้กับน้ำเปล่าทั้งวันก่อนก็ได้
สาม คือ การดื่มน้ำเยอะๆ วันละประมาณ1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้ขับสารพิษออกมาทางปัสสาวะได้มากขึ้น และยังช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้สะดวก และระบบการทำงานของร่างกายทำงานได้สมบูรณ์มากขึ้น
สี่ คือ การขับสารพิษออกมาทางลมหายใจด้วยการฝึกการหายในเข้า-ออกลึกๆ หายใจให้ถูกวิธี ด้วยการหายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบเพื่อนำพาออกซิเจนได้ดีขึ้น และช่วยในกระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น
สุดท้าย คือ การขับสารพิษด้วยการออกกำลังกาย หรืออบซาวนาสมุนไพร เพื่อให้ร่างกายขับสารพิษผ่านเหงื่อและรูขุมขน
โดย มีสมุนไพรที่เป็นตัวช่วยเสริมให้การขับพิษออกง่ายขึ้น สมุนไพรที่นำมาใช้ประกอบไปด้วย ไพล ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ตะไคร้ ผิวมะกรูดพิมเสน การบูร ซึ่งแต่ละตัวจะมีสรรพคุณแผนไทยในการช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายพร้อมเหงื่อ
ญาลักษณ์ ช่างเหล็ก แพทย์แผนไทยประยุกต์ แนะ นำเพิ่มเติมว่า วิธีนี้ถ้าใครที่มีโรคประจำตัวหัวใจ หรือความดันโลหิตสูงอาจจะต้องหลีกเลี่ยง นอกจากนั้นการใช้วิธีนี้ขับสารพิษออกจากร่างกายบางคนอาจจะขับสารพิษของมาใน รูปของผื่นขึ้นตามร่างกาย ซึ่งก็อย่าตกใจเพราะสักพักผื่นจะหายไปเอง เพียงแต่ต้องดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อช่วยขับพิษได้มากขึ้น
นอก จากนั้นเรื่องอาหารการกินก็เป็นส่วนหนึ่ง อย่างเช่น การเลือกดื่มน้ำสมุนไพรที่จะช่วยในการขับสารพิษในร่างกายให้ออกมาได้ดีขึ้น คืนการทำงานที่ดีสู่อวัยวะภายใน โดยเฉพาะที่ตับและไต